โดรนพ่นยา เทคโนโลยีที่กำลังมาแรง ได้รับความสนใจมากที่สุด 

โดรนพ่นยา

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกด้าน ภาคการเกษตรของไทยก็ได้ก้าวตามกระแสการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิตต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต หนึ่งในนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในแวดวงเกษตรกรคือการใช้ระบบอัตโนมัติและเครื่องจักรกลทันสมัย ซึ่งช่วยประหยัดแรงงานและเวลาในการทำงาน ตัวอย่างเช่น การใช้โดรนพ่นยาและปุ๋ยในพื้นที่กว้าง ทำให้สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง ช่วยให้เกษตรกรสามารถขายผลผลิตได้โดยตรง ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอย่างเหมาะสม จะช่วยให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการใช้สารเคมี และรักษาสภาพแวดล้อมให้คงความอุดมสมบูรณ์ไว้ได้

ประเภทของโดรนเพื่อการเกษตร

ในปัจจุบันเทคโนโลยีโดรนได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในภาคการเกษตรอย่างแพร่หลาย โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

  1. โดรนฉีดพ่นสารเคมี (Spraying Drone)

เป็นนวัตกรรมที่ช่วยแบ่งเบาภาระการใช้แรงงานของเกษตรกร ในอดีตเกษตรกรต้องพกถังสารเคมีฉีดพ่นปุ๋ยและยาฆ่าแมลงไปทั่วแปลงเอง ซึ่งเสี่ยงต่อการได้รับสารเคมีเป็นอย่างมาก และอาจทำให้ผลผลิตเสียหายจากการเหยียบย่ำ

แต่ด้วยโดรนฉีดพ่น เกษตรกรเพียงแค่ควบคุมโดรนให้บินฉีดพ่นสารเคมีไปทั่วแปลงได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง โดยไม่ต้องเข้าไปในแปลง ใช้เวลาต่อไร่เพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น และทำงานได้มีประสิทธิภาพสูงกว่าแรงงานคนถึง 30-40%

  1. โดรนสำรวจและถ่ายภาพพื้นที่ (Data-Mapping Drone)

โดรนประเภทนี้สามารถนำมาใช้ในการถ่ายภาพมุมสูงเพื่อสำรวจพื้นที่ โดยอาศัยหลักการทำงานจากระบบ GPS และข้อมูลจากดาวเทียม ทำให้เกษตรกรสามารถวิเคราะห์คุณภาพดินและวางแผนการปลูกพืชล่วงหน้าก่อนถึงฤดูกาลได้ ในการถ่ายภาพจะแบ่งออกเป็น 2 รอบ โดยรอบแรกจะใช้กล้องความละเอียดสูงในการถ่ายภาพ และรอบถัดไปจะใช้กล้อง Multispectral เพื่อวิเคราะห์สีใบไม้และดินอย่างละเอียด ระบบจะประมวลผลข้อมูลเพื่อคำนวณพื้นที่และการปลูกพืชที่เหมาะสมสำหรับเกษตรกร

โดรนพ่นยา ภาคการเกษตร

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนนำโดรนพ่นยามาใช้ในภาคการเกษตร

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในวงการเกษตรกรรม โดรนกลายเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง เนื่องจากช่วยประหยัดเวลาและแรงงานได้อย่างมาก อย่างไรก็ตาม ก่อนนำโดรนพ่นยา ทําเองมาใช้งานจริง มีข้อควรระวังบางประการที่เกษตรกรจำเป็นต้องทราบ ดังนี้

  • ข้อกำหนดด้านอายุผู้ควบคุม สำหรับโดรนน้ำหนักไม่เกิน 2 กก. ผู้ใช้งานต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป ส่วนโดรนหนักเกิน 2-25 กก. ผู้ใช้งานต้องมีอายุอย่างน้อย 20 ปี
  • การตรวจสอบสภาพแวดล้อม ก่อนบินโดรน ต้องประเมินสภาพพื้นที่และสภาพอากาศให้เหมาะสมปลอดภัย ระมัดระวังสิ่งกีดขวาง ตรวจสอบว่าเป็นพื้นที่อนุญาตให้บินได้หรือไม่
  • ช่วงเวลาและระยะมองเห็น การบินโดรนต้องทำในช่วงกลางวัน โดยผู้ควบคุมต้องสามารถมองเห็นได้ตลอดเวลา ห้ามบินสูงเกิน 90 เมตร และต้องไม่ใช้ระบบกล้องแทนการมองเห็นด้วยตาเปล่า
  • ความปลอดภัย ผู้ควบคุมต้องบินโดรนด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการบินแบบเสี่ยงอันตราย ไม่บินในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่น

การนำโดรนมาใช้งานในไร่นาถือเป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยีการเกษตรยุคใหม่ แต่เกษตรกรก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบด้วยความระมัดระวังและรับผิดชอบ เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่ายและการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ข้อดีโดรนเพื่อการเกษตร

การใช้โดรนในการเกษตรมีประโยชน์มากมายที่น่าสนใจ มีข้อดีดังนี้

  • การใช้โดรนพ่นยา ในการฉีดพ่นป้องกันศัตรูพืชและบำรุงพืชพันธุ์ช่วยให้เราประหยัดเวลาได้มาก ๆ เนื่องจากมันสามารถทำงานได้รวดเร็วและอัตโนมัติ ไม่ต้องใช้เวลาและแรงกายในการเดินลุยฉีดพ่นเอง เราสามารถใช้โดรนเพื่อฉีดพ่นไม้ผลที่ต้องการในที่สูง ๆ ได้โดยไม่ต้องเสี่ยงต่อการทำลายพืชโดยไม่ได้ตั้งใจอีกด้วย
  • การใช้โดรนในการเกษตรช่วยลดการใช้แรงงานและค่าใช้จ่ายในการฉีดพ่นในระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญ เราไม่ต้องใช้แรงและกำลังจำนวนมากในการเดินลุยและฉีดพ่น ทำให้เกษตรกรสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น โดยเฉพาะกับพืชพันธุ์ที่ต้องการการดูแลรักษาเป็นประจำ เช่น ข้าว การใช้โดรนในกระบวนการเกษตรช่วยลดความเครียดและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • โดรนที่ใช้ในการเกษตรมีระบบปฏิบัติการอัจฉริยะที่ช่วยให้มันสามารถทำงานได้เองโดยไม่ต้องควบคุมโดยมนุษย์ เราเพียงแค่กำหนดแปลงพื้นที่ที่ต้องการให้โดรนจดจำ แล้วมันก็สามารถบินไปฉีดพ่นพืชเองโดยใช้ระบบ GPS หรือแผนที่ที่มีมาในตัวเครื่อง การทำงานอัตโนมัตินี้ช่วยประหยัดเวลาและแรงงานให้เรามากขึ้น และยังช่วยลดความเสี่ยงในการทำลายพืชโดยไม่ได้ตั้งใจอีกด้วย

มุมมองการลงทุนโดรนพ่นยา

มุมมองการลงทุนโดรนเพื่อการเกษตร

การลงทุนซื้อโดรนพ่นยานั้นมีทั้งข้อดีและข้อควรพิจารณาเป็นอย่างมาก เนื่องจากโดรนสามารถช่วยประหยัดแรงงานและเวลาได้อย่างมหาศาล แต่มูลค่าการลงทุนค่อนข้างสูง คือหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ดังนั้นจึงต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

  • ค่าจ้างพ่นยาในพื้นที่นั้น ๆ หากค่าจ้างมีราคาสูง การลงทุนโดรนเองก็จะคุ้มค่ามากขึ้น แต่ถ้าค่าจ้างต่ำเนื่องจากมีการแข่งขันสูง ก็อาจไม่คุ้มที่จะลงทุนโดรน
  • ลักษณะพื้นที่และการแข่งขันในพื้นที่ หากเป็นผู้รับเหมา ถ้าในพื้นที่นั้นมีคู่แข่งจำนวนมากที่ใช้โดรนด้วย ก็จะส่งผลให้ต้องรับงานมากขึ้นจึงจะคุ้มทุน ดังนั้นจะต้องสร้างจุดขายและคุณภาพบริการให้โดดเด่นกว่าคู่แข่ง
  • ราคาและคุณสมบัติของโดรน โดรนที่มีขนาดถังใหญ่ ระบบทำงานอัจฉริยะ แบตเตอรี่อึด จะมีราคาสูงกว่า สำหรับเกษตรกรรายย่อยอาจเลือกโดรนขนาดกลางที่เพียงพอต่อพื้นที่ ส่วนผู้รับเหมาที่คาดการณ์ได้ว่าจะรับงานมากพอคุ้มทุน ก็อาจลงทุนโดรนดีสเปคสูงได้

การลงทุนโดรนเพื่อการเกษตรนั้นต้องพิจารณาจากต้นทุนการลงทุน เปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายวิธีเดิม ประกอบกับศักยภาพการรับงานในพื้นที่ หากคำนวณแล้วพบว่าใช้ระยะเวลาคืนทุนไม่นาน ก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะโดรนจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างแน่นอน

บทสรุป

โดรนเพื่อการเกษตรโดยเฉพาะโดรนพ่นยาถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการทำการเกษตรสมัยใหม่ ที่จะช่วยประหยัดเวลา แรงงาน และค่าใช้จ่ายได้อย่างมหาศาล ผนวกกับประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้นและการลดความเสี่ยงด้านสุขภาพจากสารเคมี จึงน่าจะเป็นเทคโนโลยีการเกษตรแนวหน้าที่มาแรงในอนาคตอย่างแน่นอน ประสิทธิภาพการฉีดพ่นของโดรนที่ดีกว่ายังช่วยลดปริมาณการใช้สารเคมีได้อีกด้วย ซึ่งนับเป็นการช่วยประหยัดต้นทุนและรักษาสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี จากข้อดีต่าง ๆ เหล่านี้ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมโดรนพ่นยาถึงกำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในการทำการเกษตรยุคใหม่

29 Responses

  1. เราซื้อโดรนเพื่อการเกษตรไปแล้วครับ แต่ไม่แน่ใจว่าตั้งค่ายังไงให้มันพ่นยาได้ทั่วถึง สามารถให้คำแนะนำได้มั้ยครับ กิตติวงษ์ จันทุม?

  2. กังวลเรื่องการใช้โดรนพ่นยานะคะ มันจะไม่ทำให้สิ่งแวดล้อมเสียหายเหรอคะ? เพราะดูเหมือนจะใช้ยาเยอะกว่าที่จำเป็นได้

  3. อยากจะเห็นความคิดเห็นต่อเรื่องการลงทุนในโดรนเพื่อการเกษตรค่ะ หลายคนอาจจะมองว่ามันเป็นค่าใช้จ่ายที่สูง แต่ถ้าพิจารณาถึงประโยชน์ระยะยาวแล้ว มันอาจจะช่วยลดต้นทุนการใช้แรงงานได้แน่นอนค่ะ

    1. เห็นด้วยครับ ้ใช้แรงงานน้อยลงและควบคุมได้ง่ายกว่า เป็นวิธีที่คุ้มค่าในระยะยาวเลยทีเดียว

  4. อ่านบทความนี้แล้วรู้สึกดีใจมากครับ กิตติวงษ์ จันทุม เขียนได้ละเอียดและเข้าใจง่าย ภาคเกษตรของเราต้องการนวัตกรรมแบบนี้เพื่อพัฒนาไปอีกขั้นครับ

  5. ผมคิดว่าการใช้โดรนในการเกษตรนั้นมีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็ไม่ควรลืมว่ามีข้อจำกัดที่ต้องคำนึงด้วย ทั้งในด้านต้นทุนและอาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

  6. เห็นด้วยกับหลายๆคนที่บอกว่ามันดี แต่ก็มีหลายเรื่องที่ต้องคิดถึง เช่น ต้นทุนการใช้งานและประสิทธิภาพจริงที่ได้รับ

  7. บทความนี้เป็นฐานข้อมูลที่ดีสำหรับคนที่กำลังศึกษาเรื่องโดรนในภาคเกษตร รู้สึกได้ความรู้เพิ่มเยอะ

  8. โคตรดีเลย โดรนเหล่านี้ช่วยเราอำนวยความสะดวกขึ้นหลายเท่าตัว ต้องติดตามการพัฒนาต่อไปแน่ๆ

  9. การใช้งานโดรนในภาคเกษตรนี้เป็นตัวแปรสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงพื้นที่การเกษตรในอนาคต เป็นเรื่องที่ดีที่บทความนี้หยิบยกเรื่องนี้มาพูดถึง ช่วยให้การเข้าถึงเทคโนโลยีแปลกใหม่นี้ได้ง่ายขึ้น

  10. เคยลองใช้โดรนในฟาร์มของตัวเองแล้ว เห็นผลลัพธ์ที่ดีมากๆ บทความนี้บอกข้อมูลได้ตรงประเด็นสุดๆ

  11. มันเป็นขั้นตอนที่ยิ่งใหญ่สำหรับภาคเกษตร โดรนช่วยให้เราสามารถกระจายยาและพ่นน้ำได้อย่างแม่นยำ ลดต้นทุนลงได้มาก บทความนี้อธิบายรายละเอียดได้ดีมาก

  12. ภาคเกษตรเป็นภาคส่วนที่สำคัญของเศรษฐกิจ การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้เช่นโดรนจะช่วยเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนได้อย่างมาก สนับสนุนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้มีการศึกษาและนำไปใช้

  13. ในขณะที่โดรนช่วยลดต้นทุนการทำเกษตรได้ แต่เราต้องพิจารณาถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมด้วย การใช้เทคโนโลยีควรมองทั้งข้อดีและข้อเสียอย่างเท่าเทียม

  14. การใช้โดรนในการเกษตรนั้นมีฐานข้อมูลและการศึกษาวิจัยที่สนับสนุนเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจในเทคโนโลยีและการปรับใช้ให้ตรงกับความต้องการของแต่ละพื้นที่ยังเป็นเรื่องสำคัญ

  15. เข้าใจว่าการใช้โดรนสำหรับพื้นที่เกษตรใหญ่ๆน่าจะมีประโยชน์มาก เริ่มสนใจว่าจะสามารถนำมาใช้ในสวนของตัวเองได้ไหมนะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

บทความน่าสนใจ