การใช้ถ่านชาร์จ 18650 ได้แก่อุปกรณ์ต่าง ๆ มีความหลากหลายอย่างที่น่าสนใจมาก ในปัจจุบันนี้ เราพบว่ามีการนำถ่านชาร์จหรือแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนชนิด 18650 ไปใช้งานอย่างแพร่หลายในหลากหลายอุปกรณ์ไฟฟ้า ตั้งแต่อุปกรณ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันไปจนถึงเทคโนโลยีที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมกว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเดินทาง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า หรือจักรยานไฟฟ้า
ถ่านชาร์จ 18650 เป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนชนิดมาตรฐานที่มีรูปทรงเป็นกระบอก และมีขนาดที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 18 มม. ยาว 65 มม. ทำให้สามารถนำมาใช้งานได้ในหลายอุปกรณ์ โดยสามารถใช้งานได้เป็นก้อนเดียวหรือเป็นหลายก้อนแบบเป็นแพ็คก็ได้ ซึ่งสามารถนำมาใช้เพื่อให้พลังงานหรือชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ ได้ตามต้องการ
อุปกรณ์ที่ใช้ถ่านชาร์จ 18650 มีหลากหลายประเภท เช่น ไฟฉายแรงสูง โน๊ตบุ๊ค สว่านไฟฟ้า เครื่องดูดฝุ่น หุ่นยนต์ทำความสะอาด โซล่าเซลส์ ลำโพงไร้สาย มอเตอร์ไซค์ รถยนต์ไฟฟ้า จักรยานไฟฟ้า มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า รถไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้า พัดลมพกพา โดรน โฮเวอร์บอร์ด เลเซอร์พ้อยเตอร์ แบตเตอรี่สำรอง พาวเวอร์แบงค์ ไฟสปอตไลท์ โรงงานไฟฟ้า และอื่นๆอีกมากมายที่ไม่ได้ถูกกล่าวถึงในบทความนี้ โดยผู้ใช้สามารถเข้าถึงและใช้งานได้ง่าย และมีความสามารถในการถอดหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ต่าง ๆ ตามต้องการของแต่ละบุคคล
โครงสร้างภายในของถ่านชาร์จ
โครงสร้างภายในของถ่านชาร์จ ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ที่มีหน้าที่ป้องกันและควบคุมการทำงานของเซลล์อย่างมีประสิทธิภาพดังนี้
- PCT (Positive Temperature Coefficient) : เป็นตัวป้องกันความร้อนของเซลล์ในกรณีที่มีการเกิดความร้อนเกินพิกัดที่ต้องการ โดยจะกระทำในการตัดการทำงานของแบตเตอรี่ลงชั่วคราว และสามารถกลับมาทำงานในสภาวะปกติเมื่ออุณหภูมิลดลงเข้าสู่ระดับปกติอีกครั้ง
- CID (Current Interrupt Device) : เป็นวาล์วป้องกันความดันภายในเซลล์ ในกรณีที่มีการเกิดความดันเกินพิกัดที่อาจเกิด การระเบิด วาล์วนี้จะตัดการทำงานของเซลล์อย่างถาวร ซึ่งไม่สามารถกลับมาใช้งานได้อีก การตรวจสอบว่ามีแรงดันผิดปกติภายในเซลล์นั้น ๆ จะสามารถระบุได้จากการสังเกตที่รูเล็ก ๆ ที่อยู่ที่ขั้วของแบตเตอรี่
- Protected PCB (Protection Circuit Board) : เป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กซึ่งถูกฝังภายในตัวแบตเตอรี่ มีหน้าที่ป้องกันการใช้กระแสเกิน (Over Current) การชาร์จเกิน (Over Charge Voltage) และการใช้ไฟในระดับโวลต์ที่ต่ำกว่าที่กำหนด (Over Discharge) ผ่านการตรวจสอบโดย IC ที่มีการกินกระแสน้อยมากๆ ในระดับไมโครแอมป์ ซึ่งไม่มีผลต่อปริมาณของแบตเตอรี่เลย
18650 แบบมีวงจร สำคัญอย่างไร
18650 แบบมีวงจรเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ทั่วไป เนื่องจากมีคุณสมบัติป้องกันและควบคุมการทำงานของเซลล์อย่างมีประสิทธิภาพ เราสามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้อย่างมั่นใจโดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น การดึงกระแสเกินหรือการใช้แรงดันชาร์จเกินพิกัดจะทำให้วงจรทำงานโดยอัตโนมัติในการตัดการทำงานของเซลล์ เพื่อป้องกันการเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
นอกจากนี้ การทำงานของวงจรยังช่วยให้เรารู้สึกมั่นใจในการใช้งานและไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะพังเมื่อใช้งานจนหมด นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดต้นทุนในการผลิตด้วย เนื่องจากไม่จำเป็นต้องมีวงจรป้องกันภายในตัวแบตเตอรี่ และมักพบในการใช้งานใน Battery Pack
ส่วนแบตเตอรี่ 18650 แบบไม่มีวงจร มักนิยมใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีวงจรควบคุมอยู่ภายนอกอยู่แล้ว เช่น วงจร BMS หรือ PCM โดยที่มีหลักการทำงานคล้ายกัน ซึ่งทำให้ไม่จำเป็นต้องมีวงจรป้องกันภายในเซลล์ ทำให้เป็นทางเลือกที่มีต้นทุนในการผลิตที่น้อยลง
ถ่านชาร์จ เบอร์ 18650 แยกเป็น 3 กลุ่ม
ถ่านชาร์จ เบอร์ 18650 สามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ตามความต้องการและจุดประสงค์ของผู้ใช้ รวมถึงงบประมาณในกระเป๋าของผู้ใช้ดังนี้
- ถ่านชาร์จ ราคาถูก : ในกลุ่มนี้มักจะมีราคาที่เข้าถึงง่ายและเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการใช้งานเบื้องต้นโดยไม่มีความต้องการในความแรงดันหรือความจุที่สูงมาก ตัวอย่างเช่น Ultrafire 18650 ที่มีความจุที่แจกแจง 4800 ถึง 6800 mAh โดยมีราคาประมาณ 80-90 บาทสำหรับรุ่นหัวนูนสีแดงและประมาณ 100 บาทสำหรับรุ่นหัวนูนสีดำ ซึ่งความจุจริงของแบตเตอรี่อาจจะแตกต่างจากที่ระบุ (ความจุจริงประมาณ 600 mAh) และมีน้ำหนักประมาณ 25 กรัมต่อก้อน
- ถ่านชาร์จ ราคากลาง : กลุ่มนี้มักจะมีความสามารถและความคุ้มค่าที่ดีกว่าแบตเตอรี่ราคาถูก แต่ยังคงเป็นทางเลือกที่มีราคาในระดับที่เหมาะสม สามารถใช้งานได้ในหลายสถานการณ์ต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้งบประมาณมากมาย
- ถ่านชาร์จ ราคาสูง : กลุ่มนี้มักมีความแรงและความคุ้มค่าที่สูงที่สุด มักมีความจุสูงและความคงทนทานที่ดี แต่ราคามักจะสูงกว่าแบตเตอรี่ในกลุ่มอื่น ๆ และมักเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่มีความต้องการในความสมบูรณ์และความเชื่อมั่นในการทำงานของถ่านชาร์จ
ถ่านชาร์จ 18650 แท้ ดูยังไง
การตรวจสอบว่าถ่านชาร์จ 18650 เป็นแท้หรือไม่สามารถทำได้โดยการพิจารณาข้อดีและข้อเสียของผลิตภัณฑ์ตามลักษณะต่อไปนี้
- การซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ : การซื้อถ่านชาร์จ 18650 จากผู้ขายที่เชื่อถือได้และมีชื่อเสียงเป็นสิ่งสำคัญ เช่น ผู้ผลิตที่รู้จัก, ร้านค้าออนไลน์ที่มีความเชื่อถือ, หรือร้านค้าที่มีการรับประกันสินค้า
- การตรวจสอบรายละเอียดผลิตภัณฑ์ : ควรตรวจสอบรายละเอียดของผลิตภัณฑ์อย่างรอบคอบ เช่น ชื่อยี่ห้อ, รุ่น, ความจุ, และคุณสมบัติอื่นๆ ที่อาจช่วยในการระบุความถูกต้องของผลิตภัณฑ์
- การตรวจสอบการบรรจุและฉลาก : ผลิตภัณฑ์ที่แท้จะมีการบรรจุและฉลากที่มีคุณภาพดีและมีความชัดเจน มักมีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการรับประกัน
- การทดสอบความพิเศษ : หากเป็นไปได้ ควรทดสอบผลิตภัณฑ์โดยใช้มาตรฐานที่สามารถทำได้ เช่น การตรวจสอบความจุแบตเตอรี่ หรือการทดสอบสมรรถนะการใช้งานของแบตเตอรี่
การรับรองจากผู้ขายและการศึกษาความรู้เกี่ยวกับแบรนด์และผลิตภัณฑ์ก่อนการซื้อจะช่วยให้คุณสามารถรับประกันว่าคุณได้รับถ่านชาร์จ 18650 ที่แท้จริงและมีคุณภาพในการใช้งาน
ทำความเข้าใจและเลือกซื้อถ่านชาร์จ
เมื่อคุณต้องการเลือกซื้อถ่านชาร์จ คุณควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับคุณสมบัติและความต้องการของคุณก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ความจุ, แรงดัน, ประเภทของใช้งาน, และราคา ดังนี้
- ความจุ : ควรพิจารณาความจุของถ่านชาร์จตามความต้องการของคุณ เช่น ถ้าคุณต้องการใช้งานในอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานมากๆ อาจจะต้องการถ่านชาร์จที่มีความจุสูง เช่น 3000 mAh หรือมากกว่านั้น
- แรงดัน : ตรวจสอบแรงดันของถ่านชาร์จว่าเข้ากับอุปกรณ์ของคุณหรือไม่ แบตเตอรี่แบบ lithium-ion แบบมาตรฐานมักมีแรงดันประมาณ 3.7V และในกรณีที่ชาร์จเต็มอาจมีแรงดันสูงสุดประมาณ 4.2V
- ประเภทของใช้งาน : ควรพิจารณาว่าคุณจะใช้ถ่านชาร์จในอุปกรณ์ใด หากเป็นอุปกรณ์ที่ต้องการแรงดันและความจุสูง เช่น ไฟฉาย LED หรือโทรศัพท์มือถือ คุณอาจต้องการถ่านชาร์จที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น ความปลอดภัยและการป้องกัน
- ราคา : ควรเปรียบเทียบราคาของถ่านชาร์จจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อหาตัวเลือกที่เหมาะสมกับงบประมาณของคุณ ราคาอาจแปรผันตามคุณภาพและแบรนด์ของผลิตภัณฑ์
ด้วยข้อมูลเหล่านี้ คุณสามารถทำความเข้าใจและเลือกซื้อถ่านชาร์จที่ตรงกับความต้องการและงบประมาณของคุณได้อย่างถูกต้องและมั่นใจ

กิตติวงษ์ จันทุม เป็นวิศวกรที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 15 ปีในอุตสาหกรรมสอบเทียบเครื่องมือวัด เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสอบเทียบอุปกรณ์วัดต่างๆ เช่น เครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องวัดแรงดัน เครื่องวัดระดับเสียง และอื่นๆ กิตติวงษ์ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อรับรองความสามารถในการสอบเทียบตามมาตรฐานสากล