ซีเซียม-137 (Caesium-137) เป็นไอโซโทปกัมมันตรังสีของธาตุซีเซียมที่สามารถปล่อยรังสีเบตาและรังสีแกมมาได้ ทำให้เป็นสารกัมมันตรังสีที่เป็นอันตราย มีค่าครึ่งชีวิตอยู่ที่ 30 ปี (หมายถึงจะสลายตัวลงครึ่งหนึ่งของปริมาณเริ่มต้นในเวลา 30 ปี)
ซีเซียม-137 อันตรายมากหรือไม่เพราะมีการนำไปใช้ในหลายด้าน ตั้งแต่การใช้สำหรับปรับเทียบเครื่องมือวัดรังสี ถึงการเป็นต้นกำเนิดรังสีแกมมาในการวัดความหนาแน่นของเครื่องมือในการสำรวจน้ำมัน การใช้เป็นต้นกำเนิดรังสีในการรักษาโรคมะเร็ง รวมถึงการนำไปใช้ในเครื่องมือวัดทางอุตสาหกรรม เช่น เครื่องวัดความหนาของวัสดุ เช่น กระดาษ หรือแผ่นโลหะ และเครื่องวัดการไหลของของเหลว
ความอันตรายของ ซีเซียม-137
ซีเซียม-137 นั้นเป็นสารที่มีความอันตรายเมื่อได้รับรังสีจากมันอย่างมากพอ โดยมีกลุ่มอาการหลายอย่างที่อาจเกิดขึ้นได้ดังนี้
ระยะแรก : จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ซึ่งอาจเกิดขึ้นตั้งแต่ 1 ชั่วโมงถึง 2 วันหลังจากได้รับรังสี หากมีการปนเปื้อนที่ผิวหนังอาจเกิดการอักเสบ แดง มีการหลุดลอกของผมหรือขน และอาจมีถุงน้ำและแผลอักเสบเกิดขึ้นด้วย
ระยะสอง : เซลล์ต้นกำเนิดในไขกระดูกและเยื่อบุอาหารจะเสียชะงักเรื่อย ๆ ระยะนี้สามารถเกิดขึ้นตั้งแต่ 7 วันหลังได้รับรังสี ถึง 40 วัน แต่ผู้ป่วยอาจยังดูปกติหรือไม่มีอาการ
ระยะสาม : มีอาการเบื่ออาหาร ไข้ อ่อนเพลีย เนื่องจากปริมาณเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง และเกร็ดเลือดทั้งหมดลดลง และมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตในเวลา 2-3 เดือน
ระยะฟื้นตัว : ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวจากภาวะที่ไขกระดูกโดนกดได้หากไม่ได้รับรังสีมากเกินไป โดยสามารถดีขึ้นได้ภายใน 2-3 สัปดาห์ขึ้นไป
ต้องทำอย่างไรเมื่อมีอาการจากการได้รับรังสีจากซีเซียม-137
หากมีอาการที่สงสัยเกิดขึ้นหลังจากได้รับรังสีจากซีเซียม-137 เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลวมากเกิน 2 ครั้ง มีไข้ หนาวสั่น หรือมีเลือดออกที่ใดที่หนึ่ง ควรรีบพบแพทย์ทันที หรือการสัมผัสกาวตะปู ควรจดบันทึกและแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ผ่านมาภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อให้แพทย์สามารถทำการวินิจฉัยได้อย่างรวดเร็ว และตรวจการปนเปื้อนของซีเซียม-137 ภายในร่างกายจากเลือด ปัสสาวะ และอุจจาระเพื่อการรักษาที่เหมาะสมในขณะเดียวกัน
ซีเซียม-137 มีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างไร?
ซีเซียม-137 มีผลกระทบต่อสุขภาพอย่างมากเมื่อได้รับเข้าไปในร่างกาย เมื่อสัมผัสกับซีเซียม-137 มันสามารถกระจายไปยังอวัยวะและเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทั่วร่างกาย โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่กล้ามเนื้อและกระดูก บางส่วนยังอาจพบได้ในตับและไขกระดูกด้วย สุดท้ายมันจะถูกขับออกจากร่างกายผ่านทางเหงื่อและปัสสาวะ ซึ่งกัมมันตภาพรังสีนี้ไม่มีกลิ่นหรือสีทำให้ผู้ที่สัมผัสอาจไม่รู้ตัวคล้ายๆกับมลพิษทางอากาศ แต่หลังจากนั้นภายในชั่วโมงหรือวันหลังจากการสัมผัส จะเริ่มแสดงอาการทางระบบต่าง ๆ เช่น ผิวหนัง เยื่อบุ ระบบเลือด ระบบทางเดินอาหาร ระบบประสาท ซึ่งอาจมีความรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
การรักษาร่างกายได้รับรังสีจาก ซีเซียม-137
การรักษาร่างกายที่ได้รับรังสีจากซีเซียม-137 จะเป็นการรักษาตามอาการที่เกิดขึ้น เช่น กระตุ้นการทำงานของระบบเลือดและเฝ้าสังเกตอาการทางผิวหนัง เพื่อป้องกันภาวะติดเชื้อและการปนเปื้อนของซีเซียม-137 ภายในร่างกาย ในปัจจุบันมียาที่ชื่อ Prussian Blue ซึ่งช่วยจับซีเซียม-137 และลดปริมาณของซีเซียม-137 ในระบบทางเดินอาหารลงได้ หลังจากนั้นจะต้องติดตามความเสี่ยงต่อระบบเลือด ด้วยการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (complete blood count CBC) เพื่อตรวจวัดปริมาณและลักษณะของเม็ดเลือดทั้งสามชนิด ได้แก่ เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด
ข้อควรปฏิบัติหลังการสัมผัส ซีเซียม 137
- ลดการปนเปื้อนโดยล้างตาด้วยน้ำสะอาดที่ไหลผ่านจากหัวตาไปทางหางตา และล้างมือ อาบน้ำ สระผม และเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่ถุงปิดปากเพื่อป้องกันการใส่ใจว่ามีการปนเปื้อนสารกัมมันตรีงสีหรือไม่
- ไปลงทะเบียนที่หน่วยงานที่กำหนดเพื่อจัดทำทะเบียนผู้สัมผัสหรืออยู่ในเหตุการณ์เพื่อการเฝ้าระวังสุขภาพและควบคุมการแพร่กระจายของกัมมันตรังสี
- ห้ามหยิบจับวัตถุทุกชนิด ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม และห้ามนำมือสัมผัสบริเวณภายในพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ได้กำหนดไว้ให้เป็นพื้นที่อันตราย
การป้องกันและการปฏิบัติตนได้แก่
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารกัมมันตรังสีหรือกล่องเหล็กที่เป็นที่สงสัย
- หากอยู่ในที่เกิดเหตุ ให้ไปลงทะเบียนผู้สัมผัสสารกัมมันตรังสีที่หน่วยงานที่กำหนด
- รวบรวมสิ่งของหรือเสื้อผ้าที่คาดว่าอาจมีการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสี และนำไปให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบก่อนใช้งาน
- ควรล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม
- ติดตามข้อมูลสถานการณ์การเกิดเหตุ และปฏิบัติตามประกาศอย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม ให้สังเกตอาการที่ควรพบแพทย์ ได้แก่ คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเหลวมากเกินกว่า 2 ครั้ง มีไข้ หนาวสั่น ชักเกร็ง มีเลือดออกที่ใดที่หนึ่งภายในหนึ่งสัปดาห์หลังได้รับรังสี หรือมีการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 หากมีสงสัยเกี่ยวกับอาการดังกล่าว ให้ติดต่อสำนักงานสาธารณสุขของจังหวัดทันที
สรุป
ซีเซียม-137 เป็นสารกัมมันตรังสีที่มีความอันตรายต่อสุขภาพ เมื่อมีการสัมผัสหรือการได้รับรังสีจากซีเซียม-137 อาจทำให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงต่อร่างกายได้ ซีเซียม-137 สามารถกระจายไปยังอวัยวะและเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย และสามารถเข้าสู่ระบบเลือดและเนื้อเยื่ออื่น ๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเจ็บปวด และภาวะที่รุนแรงขึ้นได้ การรักษาที่เหมาะสมหลังจากการสัมผัสซีเซียม-137 เป็นสิ่งสำคัญ เช่น การล้างตาด้วยน้ำสะอาด การล้างมือ การพบแพทย์เพื่อการรักษาอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันอันตรายและลดความเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาว
กิตติวงษ์ จันทุม เป็นวิศวกรที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 15 ปีในอุตสาหกรรมสอบเทียบเครื่องมือวัด เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสอบเทียบอุปกรณ์วัดต่างๆ เช่น เครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องวัดแรงดัน เครื่องวัดระดับเสียง และอื่นๆ กิตติวงษ์ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อรับรองความสามารถในการสอบเทียบตามมาตรฐานสากล
30 Responses
ว่าแต่ถ้าสมมุติเราเอาน้ำส้มสายชูราดไปที่มือที่สัมผัสซีเซี่ยม137แล้วมันจะช่วยลดผลกระทบได้มั้ยครับ หรือว่าเป็นไปไม่ได้เลย เพราะเห็นในหนังพวกนี้เขาทำกัน
สมมุติน้ำส้มสายชูเข้าตาล่ะก็ อิอิ หนังมันน่าเชื่อสุดๆ
ลองค้นอ่านเพิ่มเติมเอาเองดีกว่าครับ ข้อมูลมันเยอะน่าดู
เท่าที่ศึกษามา ซีเซียม-137 เป็นสารกัมมันตรังสีที่มีอายุครึ่งชีวิตประมาณ 30 ปี ทำให้มีความอันตรายระยะยาวต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพมนุษย์ กิตติวงษ์ จันทุม ให้ข้อมูลเรื่องนี้ได้แม่นยำหรือไม่คะ?
ถ้าเราเจอซีเซียม-137 เราควรจะส่ง Super Marioมากำจัดได้ไหมครับ 555+
บทความนี้ให้ข้อมูลที่ดีมากเกี่ยวกับซีเซียม-137 และผลกระทบต่อสุขภาพ นำเสนอได้ชัดเจนและเข้าใจได้ง่าย หวังว่าทุกคนจะได้รับความรู้และมีความตระหนักในการป้องกันอันตรายจากรังสีนี้
อยากทราบว่าในกรณีฉุกเฉิน มีวิธีป้องกันตัวเองจากรังสีซีเซียม-137 ยังไงบ้าง มีอุปกรณ์หรือวิธีพิเศษไหมที่ควรรู้เก็บไว้
เราควรทำยังไงหลังจากโดนซีเซียม 137 ครับ มันอันตรายจริงๆ หรือเปล่าครับ?
อันดับแรกคือหยุดตื่นตระหนกครับ แต่ควรไปพบหมอเพื่อตรวจสอบอาการโดยเร็วเลยนะครับ
การรู้วิธีหลีกเลี่ยงและป้องกันตัวเองจากรังสีซีเซียม-137 มีความสำคัญมากค่ะ บทความนี้อธิบายได้ชัดเจนดีจริงๆ
ฉันคิดว่าทุเรียนบ้านฉันอาจจะโดนซีเซียม 137 เพราะแปลกๆ มันเป็นไปได้ไหมครับ?
ทุกคนรู้ไหมว่าซีเซียม 137 นี่แหละคือสาเหตุที่เราเห็น UFO บ่อย ๆ แฮะ มันเชื่อมโยงกันทั้งนั้นแหละ
ดีมากค่ะที่มีการเขียนบทความเรื่องนี้ ช่วยให้คนทั่วไปเข้าใจถึงความอันตรายและวิธีป้องกันได้ดีมากค่ะ
เราควรป้องกันตัวเองจากซีเซียม-137 ได้ยังไงบ้างครับ? มันกลัวมากเลยตอนนี้
ผมว่าการแพร่กระจายของซีเซียม 137 นั้นถูกควบคุมได้ดีอยู่แล้ว เรื่องนี้อาจจะถูกเพิ่มเติมเกินจริงไปหน่อย
ข้อมูลเรื่อง ซีเซียม-137 นี่สำคัญมากนะคะ ช่วยให้เราตระหนักรู้ถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ช่างเป็นเรื่องที่คนเราควรรู้เพื่อสุขภาพของเราเองนะครับ เรื่องรังสีพวกนี้
ถ้าพืชกินซีเซียม 137 ไป เรากินผลไม้เขาจะเป็นไรมั้ยคะ?
lol ถ้าฉันเป็นเมกาก็อด จากซีเซียม 137 ฉันจะมีพลังพิเศษไหมครับ
มั้งนะครับ ในหนังสือการ์ตูนก็เป็นแบบนั้น 555
บทความนี้ทำให้เรารู้ว่าการดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากรังสีเป็นเรื่องสำคัญ เป็นการเพิ่มความรู้หน่อยๆ เลยค่ะ
เห็นแค่ชื่อซีเซียม 137 ก็กลัวแล้ว มันอยู่ในอาหารเราหรอครับ?
เคยคิดไหมว่าซีเซียม 137 อาจจะมาจากอวกาศปะ? อย่างดวงดาวอะไรแบบนี้
จากมุมมองของวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม การควบคุมและลดการปล่อยซีเซียม 137 เป็นเรื่องที่ทำได้และมีหลายวิธีที่ปฏิบัติอยู่แล้วครับ
การเข้าใจเกี่ยวกับรังสี และซีเซียม-137 เป็นเรื่องที่สำคัญในการศึกษา ช่วยให้เรามีความรู้ในการปกป้องตัวเองได้อย่างถูกต้องค่ะ
เรื่องของซีเซียม-137 ถูกอธิบายได้ดีมากในบทความนี้ ช่วยให้เราเข้าใจถึงวิธีการป้องกันได้ชัดเจน เยี่ยมมากค่ะ
เรื่องแบบนี้ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นเลยครับ ที่เห็นมีคนพยายามแชร์ความรู้ที่มีประโยชน์กับสังคม ทำให้เริ่มวันใหม่ได้ด้วยความหวัง
ใช่เลยครับ อ่านแล้วก็ได้ความรู้เพิ่มเติมอีก ดีมากๆ
ในบทความของคุณกิตติวงษ์ จันทุม มีพูดถึงวิธีการสอนลูกๆ หลีกเลี่ยงซีเซียม-137 ไหมคะ?
กูเคยเห็นของเก่า ๆ ที่มีรังสีไรงี้ อยากทำจากขยะให้เป็นของใช้ได้บ้างแต่กลัวมันอันตรายเนอะ