กาวตะปู คืออะไร? ทำไมติดแน่นเหมือนตอกตะปู

กาวตะปู

กาวตะปูคือวัสดุเคมีที่ใช้ในการติดตั้งวัสดุต่าง ๆ แทนการใช้ตะปูโดยไม่ต้องทำการเจาะหรือตอกตะปู เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การติดตั้งง่ายขึ้นและประหยัดเวลา เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ยึดเกาะแน่น มีแรงยึดสูง และแห้งเร็ว เพิ่มเติมกาวตะปูยังสามารถใช้ได้กับวัสดุหลากหลายชนิดและพื้นผิวหลากหลายรูปแบบ ทำให้งานติดตั้งเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นช่างมืออาชีพหรือผู้ที่ไม่เคยทำมาก่อนก็สามารถใช้งานกาวตะปูได้อย่างมั่นใจ

ประเภทของกาวตะปู

ประเภทของกาวตะปูมี 2 ประเภทดังนี้

  1. กาวตะปูสูตรน้ำ : กาวตะปูสูตรน้ำมีส่วนผสมของน้ำ ทำให้กาวไม่มีกลิ่น ไม่ฉุน ไม่แสบตา และไม่แสบจมูก แต่เหมาะกับการใช้งานบนพื้นผิวที่ไม่เรียบ พื้นผิวที่มีรูพรุน พื้นผิวที่ไม่มีความชื้น หรือพื้นผิวที่มีอุณหภูมิไม่เกิน 35 องศาเซลเซียส
  2. กาวตะปูสูตรน้ำมัน : กาวตะปูสูตรน้ำมันหรือสูตรโซลเวนท์สามารถใช้งานบนพื้นผิวหลากหลายประเภท เช่น ไม้ โลหะ กระเบื้อง และวัสดุอื่นๆ มีความทนทานต่อสภาวะอากาศที่แปรปรวน และสามารถใช้งานทั้งภายในและภายนอกได้ เนื่องจากสามารถทนความร้อนได้มากถึง 50 องศาเซลเซียสและควรระวังเกี่ยวกับสารไซยาไนด์ด้วย

กาวตะปูติดอะไรได้บ้าง?

กาวตะปู สามารถติดได้เกือบทุกอย่างเลยหรือเปล่า? คำตอบคือ กาวตะปูนั้นสามารถติดได้เกือบทุกอย่างเลยก็ว่าได้ เพราะสามารถติดได้ทั้งพื้นผิวเรียบ หรือพื้นผิวที่มีรูพรุน เช่น ไม้ ปูนคอนกรีต ไฟเบอร์ซีเมนต์ กระเบื้องเซรามิค (แบบผิวด้าน) กระจกเงา โฟมโพลีสไตรลีน บัวผนัง บัวพื้น แผ่นผนัง แผ่นปูพื้น แผ่นไม้ แผ่นโลหะ พื้นผิวที่เป็นปูนปลาสเตอร์ หรือพื้นผิวต่างๆ ที่มีความแข็ง เป็นต้น ทั้งนี้ แม้ว่ากาวตะปูจะสามารถติดได้เกือบทุกสิ่ง แต่ก็ยังคงต้องคำนึงถึงปัจจัยทั้ง 3 อย่างนี้ร่วมด้วย

  • น้ำหนักของวัสดุ : ควรคำนึงถึงน้ำหนักของวัสดุก่อนว่ามีน้ำหนักมากน้อยแค่ไหน เพื่อจะได้เลือกใช้กาวตะปูให้เหมาะสมกับวัสดุ เพราะถ้าหากเลือกไม่เหมาะสม อาจทำให้วัสดุนั้นไม่ยึดติดได้
  • สีของวัสดุ : ก่อนใช้กาวตะปูควรคำนึงถึงสีของวัสดุร่วมด้วย ถ้าใช้สีเดียวกันกับวัสดุก็จะช่วยให้งานดูเรียบร้อย คุมโทนได้ง่าย และสวยงามมากยิ่งขึ้น
  • สถานที่ติดตั้ง : ควรดูก่อนว่าสถานที่ติดตั้งนั้นอยู่ที่ไหน เป็นภายนอกหรือภายใน และมีพื้นผิวอย่างไร เพื่อประเมินได้ถูกต้องว่าควรใช้กาวตะปูประเภทไหนให้เหมาะสมกับงาน และทำให้การติดกาวตะปูมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

คุณสมบัติเด่นของกาวตะปู

คุณสมบัติเด่นของกาวตะปู

คุณสมบัติเด่นของกาวตะปูมีดังนี้

  1. แห้งเร็ว แห้งไว : คุณสมบัติเด่นอย่างแรกของกาวตะปูที่น่าจะถูกใจหลาย ๆ คน คือ แห้งเร็ว แห้งไว ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องเสียเวลาในการรอให้กาวแห้งนาน และสามารถจบงานได้อย่างรวดเร็ว
  2. ใช้ได้ทั้งภายในภายนอก : กาวตะปูนั้นมีเสถียรภาพสูง ทำให้มีความทนทานต่อสภาวะอากาศ เช่น ความร้อน ความชื้น และแรงสั่นสะเทือน เป็นต้น จึงสามารถใช้ได้ทั้งภายใน และภายนอก
  3. ทนทานต่อรังสี UV : นอกจากกาวตะปูจะมีเสถียรภาพสูง และมีความทนทานต่อสภาพอากาศที่แปรปรวนแล้ว ยังมีคุณสมบัติคือทนทานต่อรังสี UV ด้วย ไม่ว่า UV จะเยอะแค่ไหน กาวตะปูก็ไม่หลุดล่อนง่ายๆ อย่างแน่นอน
  4. ยึดเกาะวัสดุได้หลากหลาย : คุณสมบัติเด่นอย่างสุดท้ายที่ถูกใจช่างมือใหม่หลายๆ คนอย่างแน่นอน คือ สามารถยึดเกาะวัสดุได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแผ่นไม้ โลหะ กระเบื้อง กระจกเงา คอนกรีต บัวพื้น พัวเพดาน แผ่นผนัง แผ่นพื้นปูน หรือพื้นผิวที่มีความแข็ง เพียงแค่ใช้กาวตะปูหลอดเดียวก็เอาอยู่

วิธีติดกาวตะปู

เมื่อเตรียมพื้นผิวเรียบร้อยแล้ว เราสามารถทำการติดกาวตะปูได้ตามขั้นตอนดังนี้

1. ตัดปลายหัวฉีดให้มีความกว้างอย่างน้อย 4 มิลลิเมตรและใส่กาวตะปูลงไปในปืนยิง ซึ่งวิธียิงกาวตะปูที่ถูกต้องมีดังนี้

  • พื้นผิวไม่เรียบ : ควรทำการยิงกาวตะปูให้ทั่ววัสดุหรือพื้นผิวเป็นแบบจุด
  • วัสดุมีขนาดเล็กหรือติดในแนวราบ : ควรทำการยิงกาวตะปูให้ทั่ววัสดุหรือพื้นผิวเป็นแบบเส้นตรง
  • วัสดุมีขนาดใหญ่หรือติดในแนวตั้ง : ควรทำการยิงกาวตะปูให้ทั่ววัสดุหรือพื้นผิวเป็นแบบซิกแซก

2. การยิงกาวตะปูควรทำให้มีระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 5-10 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของวัสดุที่จะใช้กาวยึดติด

3. หลังจากยิงกาวตะปูแล้วให้ทำการประกบวัสดุทั้ง 2 ชิ้นเข้าด้วยกันและดึงวัสดุแยกออกมาเพื่อให้กาวตะปูกระจายตัวอย่างทั่วถึงและปล่อยให้กาวแห้งหมาดประมาณ 3-5 นาที จากนั้นประกบวัสดุทั้ง 2 ชิ้นเข้าด้วยกันอีกครั้งโดยใช้แรงกดสูงเพื่อให้วัสดุติดกันแน่นมากยิ่งขึ้น

4. สำหรับวัสดุที่มีน้ำหนักมาก หลังจากยิงกาวตะปูแล้วให้ทำการประกบวัสดุทั้ง 2 ชิ้นเข้าด้วยกันและยึดวัสดุทั้ง 2 ชิ้นไว้ด้วยเครื่องมือจับยึดเป็นเวลาประมาณ 24 ชั่วโมง เพื่อให้วัสดุติดแน่นมากยิ่งขึ้น

วิธีแกะกาวตะปู

วิธีแกะกาวตะปูสามารถทำได้ง่ายๆ โดยใช้คัตเตอร์ค่อย ๆ แกะตามรอยกาวตะปู พร้อมกับใช้แอลกอฮอล์หรือทินเนอร์เพื่อเช็ดไปด้วย นอกจากนี้ยังสามารถใช้น้ำยาละลายกาวในการแกะกาวตะปูได้เช่นกัน โดยการใช้วิธีเหล่านี้จะช่วยให้กาวตะปูออกได้ง่ายขึ้นอย่างแน่นอน

วิธีแกะกาวตะปู

ข้อดี-ข้อเสียในการใช้งาน

การใช้กาวตะปูนั้นมีข้อดีและข้อเสียต่าง ๆ

ข้อดี

  1. ง่ายต่อการใช้งาน : กาวตะปูมีความสะดวกสบายในการใช้งาน ไม่ซับซ้อนและไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ
  2. สามารถติดกับวัสดุได้หลายอย่าง : กาวตะปูสามารถใช้ติดกับหลายพื้นผิวได้ เช่น ไม้, โลหะ, กระเบื้อง, คอนกรีต, หรือปูนพลาสเตอร์
  3. แห้งเร็ว แห้งไว : กาวตะปูมีคุณสมบัติที่แห้งเร็ว ทำให้งานสามารถจบได้เร็วขึ้นและไม่ต้องรอนาน ไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ
  4. ใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอก : กาวตะปูมีเสถียรภาพสูงทำให้ใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอก

ข้อเสีย

  1. สารระเหยที่กระทบต่อระบบหายใจ : บางสูตรของกาวตะปูอาจมีส่วนผสมของสารระเหยที่สามารถกระทบต่อระบบหายใจได้
  2. การกัดกร่อนพื้นผิวหรือวัสดุ : บางสูตรของกาวตะปูอาจกัดกร่อนพื้นผิวหรือวัสดุได้
  3. ความยากในการแกะกาว: หากการแกะกาวตะปูไม่ถูกต้อง อาจทิ้งคราบกาวไว้บนพื้นผิวหรือวัสดุได้
  4. แห้งเร็วและแข็งตัวไว : กาวตะปูมักจะแห้งเร็วและแข็งตัวไว ถ้าใช้งานไม่หมดและเก็บรักษาไม่ดี อาจทำให้กาวไม่สามารถใช้งานได้ในครั้งถัดไป

ดังนั้น การเลือกใช้กาวตะปูควรพิจารณาข้อดีและข้อเสียเหล่านี้อย่างรอบคอบก่อนที่จะนำมาใช้งาน

สรุป

การใช้กาวตะปูมีข้อดีอย่างมากเช่นง่ายต่อการใช้งาน สามารถติดกับวัสดุได้หลายอย่าง แห้งเร็ว แห้งไว และสามารถใช้งานทั้งภายในและภายนอกได้ดี อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อเสียบางอย่าง เช่น บางสูตรอาจมีสารระเหยที่กระทบต่อระบบหายใจ หรือมีความยากในการแกะกาวเมื่อต้องการถอดออก ดังนั้น การใช้กาวตะปูควรพิจารณาข้อดีและข้อเสียให้ละเอียดก่อนที่จะนำมาใช้งานจริง ๆ

บทความน่าสนใจ