ฟอร์มาลีน สารปนเปื้อนในอาหาร ภัยเงียบที่ต้องระวัง

ฟอร์มาลีน

อาหารสดเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำรงชีวิต อย่างไรก็ตาม ในสังคมไทยปัจจุบัน ปัญหาการปนเปื้อนของสารฟอร์มาลีนในอาหารสดกลายเป็นประเด็นน่าวิตกที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ฟอร์มาลีน เป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์รุนแรงและเป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ด้วยคุณสมบัติในการช่วยรักษาสภาพความสดใหม่ของอาหาร ทำให้ฟอร์มาลีนถูกนำมาใช้โดยผิดวิธีในกระบวนการผลิตอาหารบางประเภท ไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเล เนื้อสัตว์ หรือแม้แต่ผักผลไม้สด

การบริโภคอาหารที่ปนเปื้อนฟอร์มาลีนอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรง ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว อาการที่อาจเกิดขึ้นได้ ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หากรับประทานเข้าไปในปริมาณมากอาจทำให้เสียชีวิตได้ นอกจากนี้ ฟอร์มาลีนยังเป็นสารก่อมะเร็งที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งในระบบทางเดินอาหารและระบบสืบพันธุ์หากได้รับสารนี้เป็นเวลานานและวันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับฟอร์มาลีน คืออะไร ให้มากขึ้นมามันคืออะไร มีส่วนประกอบอะไรบ้าง และอันตรายแค่ไหนเราไปดูรายละเอียดในบทความนี้กันเลย

ฟอร์มาลีน คืออะไร ?

ฟอร์มาลีนเป็นสารเคมีที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากกระบวนการย่อยสลายของสิ่งมีชีวิต อย่างไรก็ตาม ฟอร์มาลินยังถูกผลิตในรูปแบบสารเคมีที่มีลักษณะเป็นของเหลวใส มีกลิ่นฉุน เรียกว่า “ฟอร์มาลดีไฮด์” ประกอบด้วยเมทานอลเป็นองค์ประกอบด้วย

ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัว ฟอร์มาลินจึงถูกนำไปใช้ประโยชน์ในหลากหลายด้าน เช่น ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ และในทางการแพทย์ใช้เป็นสารรักษาสภาพศพเพื่อป้องกันการเน่าเปื่อย นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ได้ดี จึงถูกนำมาใช้เป็นยาดับกลิ่นและฆ่าเชื้อโรคอีกด้วย

อย่างไรก็ดี เนื่องจากฟอร์มาลินมีประสิทธิภาพสูงในการรักษาสภาพความสดใหม่ของสิ่งต่าง ๆ ฟอร์มาลีนในอาหารทะเลจึงเคยถูกนำไปใช้ผิดวิธีโดยการผสมลงในอาหารสด เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาและดึงดูดให้อาหารมีรสชาติดีขึ้น ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภคเป็นอย่างยิ่ง

ส่วนประกอบของฟอร์มาลีน

ฟอร์มาลีน หรือฟอร์มาลดีไฮด์ (FORMALDEHYDE) เป็นสารประกอบอินทรีย์ในกลุ่มอัลดีไฮด์ มีสูตรเคมีคือ CH2O หรือ HCHO เป็นก๊าซไม่มีสี มีกลิ่นฉุนและติดไฟได้ ในสภาวะแวดล้อมปกติจะอยู่ในสถานะก๊าซ โดยทั่วไปจะพบในอาหารตามธรรมชาติและสามารถย่อยสลายได้ด้วยแสงอาทิตย์และความชื้น

ฟอร์มาลีนมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค แต่เป็นสารที่มีพิษสูงต่อร่างกายมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ หากได้รับสารนี้เข้าสู่ร่างกายในปริมาณมาก อาจก่อให้เกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ เมื่อฟอร์มาลีนรวมตัวกับออกซิเจนในอากาศที่ความเข้มข้นสูง อาจก่อให้เกิดการระเบิดได้

ในการใช้งานฟอร์มาลีนจำเป็นต้องมีการควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด โดยการผสมกับเมทานอลในสัดส่วน 10-15% จะช่วยยับยั้งการเกิดพอลิเมอร์พาราฟอร์มาลดีไฮด์ ซึ่งเป็นสารที่มีความเป็นพิษสูงกว่าฟอร์มาลีนเอง การใช้งานฟอร์มาลีนจึงต้องปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด

ฟอร์มาลีน อันตรายแค่ไหน

ฟอร์มาลินอันตรายแค่ไหน

ฟอร์มาลินเป็นสารเคมีประเภทหนึ่งที่มีอันตรายอย่างมากต่อสุขภาพของมนุษย์ หากได้รับสารฟอร์มาลินเข้าสู่ร่างกายในปริมาณที่สูง อาจนำไปสู่ผลกระทบรุนแรงและเสียชีวิตได้ ดังนั้นวิถีไทยสู่โลกดิจิทัลจึงจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับอันตรายและวิธีการป้องกันอย่างถูกต้อง

การสัมผัสสารฟอร์มาลินด้วยการสูดดมหรือรับไอระเหย อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น ผิวหนัง เยื่อบุตา จมูก ปากและคอแสบร้อน หากสัมผัสติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจนำไปสู่การอักเสบของหลอดลมและปอดได้ นอกจากนี้ สารฟอร์มาลินยังเป็นสารก่อให้เกิดมะเร็งในโพรงจมูก ช่องคอ และมะเร็งเม็ดเลือดขาว

หากได้รับสารฟอร์มาลินผ่านทางการรับประทาน อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร และหากได้รับสารในปริมาณสูงเกินไป อาจนำไปสู่ภาวะวิกฤติและเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นการป้องกันอันตรายจากฟอร์มาลินจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง

การหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับสารฟอร์มาลินเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด สำหรับบุคคลที่ต้องทำงานเกี่ยวข้องกับสารเคมีชนิดนี้ ควรใช้อุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม เช่น ถุงมือ หน้ากากป้องกันสารเคมี และควรทำงานในบริเวณที่มีการระบายอากาศที่ดี นอกจากนี้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการจัดการฟอร์มาลินและของเสียที่มีฟอร์มาลินปนเปื้อนอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยสูงสุดต่อตนเองและผู้อื่น

อาหารที่พบการปนเปื้อนของฟอร์มาลีนมีอะไรบ้าง

อาหารทะเลที่พบการปนเปื้อนของฟอร์มาลีนบ่อยครั้ง ได้แก่ ปลาหมึก แมงกะพรุน รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสัตว์ทะเลเหล่านี้ เช่น ปลาหมึกกรอบ สไบนาง และเล็บมือนาง การบริโภคอาหารที่มีฟอร์มาลีนปนเปื้อนอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ระบบประสาท และอาจเป็นสารก่อมะเร็งได้

วิธีเลือกซื้อ-รับประทานอาหารทะเลให้ปลอดภัยจากฟอร์มาลีน

อาหารทะเลเป็นแหล่งอาหารที่มีประโยชน์สูงต่อร่างกาย เนื่องจากมีสารอาหารที่จำเป็นหลายชนิด เช่น โปรตีน ไขมันที่มีประโยชน์ วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ในบางครั้งอาหารทะเลอาจปนเปื้อนด้วยสารเคมีที่เป็นอันตรายอย่างฟอร์มาลีน ERP ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพหากบริโภคเข้าไป ดังนั้น จึงควรมีวิธีการเลือกซื้อและรับประทานอาหารทะเลให้ปลอดภัย ดังนี้

การเลือกซื้อ

  • สังเกตสภาพของอาหารทะเล ควรเลือกซื้อเฉพาะอาหารสดใหม่ มีสีสันและกลิ่นธรรมชาติ หากมีกลิ่นฉุนแสบจมูก อาจเป็นสัญญาณว่ามีการใช้ฟอร์มาลีนในการถนอมอาหาร
  • ซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น ตลาดสด ร้านค้าที่มีชื่อเสียง หรือผู้ประกอบการที่มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย

การล้างทำความสะอาด

  • ก่อนนำอาหารทะเลมาประกอบอาหาร ควรล้างทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาด เนื่องจากฟอร์มาลีนมีคุณสมบัติละลายน้ำได้ดี การล้างอย่างถูกวิธีจะช่วยชะล้างฟอร์มาลีนออกไปได้ส่วนหนึ่ง

การปรุงอาหารให้สุกดี

  • ปรุงอาหารทะเลให้สุกทั่วถึง เนื่องจากความร้อนสามารถทำลายฟอร์มาลีนได้ การปรุงอาหารไม่สุกพอ อาจทำให้ฟอร์มาลีนยังคงเหลืออยู่และเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

พิษจากฟอร์มาลีน

การได้รับพิษจากฟอร์มาลีนอาการเป็นอย่างไร

  • ผิวหนังระคายเคือง ผื่นผิวหนัง อาจเป็นผื่นลมพิษชนิดเฉียบพลัน
  • อาการปวดศีรษะรุนแรง หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
  • ปากและคอแห้ง มีอาการคลื่นไส้อาเจียน
  • ปวดท้องรุนแรง ปัสสาวะไม่ออก
  • หายใจลำบาก เนื่องจากเกิดภาวะหลอดลมตีบ
  • ความดันโลหิตต่ำลงอย่างรวดเร็ว นำไปสู่ภาวะช็อกและหมดสติ
  • เลือดเป็นกรด สภาพร่างกายเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

วิธีป้องกันสารฟอร์มาลีนปนเปื้อนในอาหารป้องกันได้อย่างไร

สารฟอร์มาลีนเป็นสารเคมีที่มักถูกใช้เป็นสารกันบูดในอาหารและเครื่องสำอาง แต่การได้รับสารนี้ในปริมาณมากอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ ดังนั้น การป้องกันไม่ให้อาหารปนเปื้อนด้วยสารฟอร์มาลีนจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยมีวิธีการดังนี้

  • สังเกตลักษณะและกลิ่นของอาหาร หากอาหารมีการปนเปื้อนของสารฟอร์มาลีน มักจะมีกลิ่นฉุนแปลกไปจากปกติ เช่น เนื้อสัตว์และอาหารทะเลจะมีกลิ่นคาวน้อยลง ส่วนผักและผลไม้อาจมีกลิ่นเหม็นหืน นอกจากนี้ เนื้อสัมผัสของอาหารอาจแข็งกระด้างหรือเหนียวผิดปกติ
  • ล้างทำความสะอาดอาหารอย่างทั่วถึง ก่อนปรุงอาหาร ควรล้างทำความสะอาดอาหารด้วยน้ำสะอาดให้ทั่วถึง โดยเฉพาะอาหารประเภทผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ เพื่อช่วยขจัดสารฟอร์มาลีนที่อาจตกค้างอยู่
  • แช่ในสารละลายด่างทับทิมเจือจาง หลังจากล้างน้ำแล้ว อาจนำอาหารแช่ในสารละลายด่างทับทิมเจือจางประมาณ 15-30 นาที ก่อนล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง เนื่องจากด่างทับทิมสามารถช่วยกำจัดสารฟอร์มาลีนได้
  • ปรุงอาหารด้วยความร้อนสูง การปรุงอาหารด้วยความร้อนสูง เช่น ต้ม นึ่ง อบ หรือย่าง จะช่วยทำลายสารฟอร์มาลีนที่อาจตกค้างในอาหารได้ เนื่องจากสารนี้ไม่ทนความร้อนสูง
  • ซื้ออาหารจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เลือกซื้ออาหารจากแหล่งที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น ร้านค้าที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน เพื่อลดความเสี่ยงในการได้รับอาหารที่มีการปนเปื้อนของสารเคมี

สรุป

ฟอร์มาลีน หรือ ฟอร์มาลดีไฮด์ (FORMALDEHYDE) เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีกลิ่นฉุนและมีฤทธิ์กัดกร่อนสูง ในอุตสาหกรรมการผลิต ฟอร์มาลีนถูกนำมาใช้ในการผลิตพลาสติก กาว ยา และน้ำยาฆ่าเชื้อ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีคุณสมบัติในการชะลอการเน่าเสีย จึงมีการนำฟอร์มาลีนมาใช้ในการถนอมอาหารโดยผิดวิธี ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ อาหารทะเล หรือแม้กระทั่งผักและผลไม้สด การบริโภคอาหารที่ปนเปื้อนฟอร์มาลีนอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยอาการในระยะแรกอาจประกอบด้วยคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง แน่นหน้าอก และหายใจลำบาก หากได้รับสารในปริมาณสูงอาจทำให้เสียชีวิตได้

28 Responses

  1. กิตติวงษ์ จันทุม อยากทราบว่าถ้าเรากินอาหารที่มีฟอร์มาลีนโดยไม่ได้ตั้งใจ จะมีวิธีแก้อย่างไรบ้างครับ

  2. แต่ถ้าอาหารบางอย่างมันแช่น้ำเย็นจริงๆ ไม่ใช่ฟอร์มาลีนอะไรแบบนั้นอ่ะ ยังไงก็ไม่เชื่อหรอก

  3. อยากถามว่าอาหารทะเลที่มีฟอร์มาลีนจะแยกดูยังไงครับ กิตติวงษ์ จันทุม เคยเห็นข่าวแต่ไม่แน่ใจว่าจะตรวจสอบยังไงดี

  4. เราขายปลาสดๆ ไม่ใช้ฟอร์มาลีนเลยนะครับ เค้าเตือนกันแบบนี้ ดีแล้ว คนจะได้เลือกกินอาหารปลอดภัย

  5. อ่านแล้วกลัวเลยค่ะ กินอะไรก็ไม่อุ่นใจ ทุกวันนี้ต้องเลือกได้แต่ไม่รู้เรื่องการล้างทำความสะอาดตัวเองได้ดีไหม มีวิธีไหนบ้างคะ

  6. จากการศึกษาและงานวิจัยบ่งชี้ว่าฟอร์มาลีนสามารถก่อให้เกิดมะเร็งได้ ดังนั้นการเลือกซื้อที่ดีเป็นสิ่งสำคัญมาก

  7. เคยเห็นตลาดขายปลานั่งของแปลกๆ นึกว่ากินแล้วจะได้พลัง ฟอร์มาลีนนี่มันประเภทเดียวกันใช่ไม๊

  8. ต้องยอมรับว่าการศึกษาวิจัยเรื่องนี้ถูกทำมามาก แต่ผู้บริโภคยังขาดความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

บทความน่าสนใจ