IOT ในชีวิตประจำวัน มีอะไรบ้าง รู้จักกับเทคโนโลยีที่ต้องมีติดบ้าน-คอนโด

IOT ในชีวิตประจำวัน

IOT (INTERNET OF THINGS) เป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว IOT หมายถึงการเชื่อมต่ออุปกรณ์ดิจิทัลต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ เข้ากับอินเทอร์เน็ต ทำให้เราสามารถควบคุมและติดตามสถานะของอุปกรณ์เหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย

ในบ้านพักอาศัยหรือคอนโดมิเนียม IOT ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ด้วยความสามารถในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เช่น ระบบปรับอากาศ ระบบความปลอดภัย หลอดไฟ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น และอื่น ๆ เข้ากับอินเทอร์เน็ต ทำให้เราสามารถควบคุมและติดตามการทำงานของอุปกรณ์เหล่านั้นได้ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต แม้จะอยู่นอกบ้านก็ตาม ลองมาทำความรู้จักว่า IOT ในชีวิตประจำวัน คืออะไร ทำไมจึงควรมีอยู่ในบ้านหรือคอนโด

IOT คืออะไร

IOT หรือ INTERNET OF THINGS คือการเชื่อมต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เข้ากับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อให้อุปกรณ์เหล่านั้นสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้โดยอัตโนมัติ โดยไม่จำเป็นต้องมีการควบคุมจากมนุษย์ ในปัจจุบัน เทคโนโลยี IOT ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้งานในหลากหลายด้าน ตั้งแต่ระบบควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้าน ระบบจราจร ระบบการเกษตร ไปจนถึงระบบการแพทย์ โดยอุปกรณ์ IOT จะมีเซ็นเซอร์ติดตั้งอยู่ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลจากสิ่งแวดล้อม และส่งข้อมูลเหล่านั้นผ่านระบบเครือข่ายไปยังคลาวด์ หรืออุปกรณ์ควบคุมส่วนกลาง

การใช้งาน IOT ช่วยให้สามารถควบคุมและตรวจสอบสถานะของอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้แบบเรียลไทม์ ผ่านทางแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์พกพา หุ่นยนต์ AI นอกจากนี้ ยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับมาเพื่อการวางแผนและตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างการใช้งาน IOT ในชีวิตประจำวัน ที่พบเห็นได้บ่อย เช่น หลอดไฟ อุปกรณ์ปรับอากาศ กล้องวงจรปิด เครื่องซักผ้า ตู้เย็น รถยนต์ และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยอุปกรณ์เหล่านี้จะถูกออกแบบให้สามารถเชื่อมต่อกับระบบ IOT และรับคำสั่งควบคุมผ่านทางแอปพลิเคชันได้ ทำให้การใช้งานมีความสะดวกสบายและประหยัดพลังงานมากขึ้น

ทำไมต้องมี IOT หรือ INTERNET OF THINGS ติดบ้าน-คอนโด

ทำไมต้องมี IOT หรือ INTERNET OF THINGS ติดบ้าน-คอนโด

IOT หรือ INTERNET OF THINGS เป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการนำมาประยุกต์ใช้กับที่อยู่อาศัยอย่างบ้านและคอนโด เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในการดำรงชีวิต ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

  • ความสะดวกสบายในการควบคุมอุปกรณ์

ระบบ IOT ทำให้สามารถควบคุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ภายในบ้านได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศ หลอดไฟ โทรทัศน์ หรือแม้แต่ตู้เย็น ระบบจะเรียนรู้พฤติกรรมและกิจวัตรของผู้อยู่อาศัย และสามารถควบคุมอุปกรณ์เหล่านั้นได้อัตโนมัติ เพื่ออำนวยความสะดวกสูงสุด

  • ประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่าย

การใช้ระบบ IOT ในบ้านจะช่วยประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากสามารถกำหนดให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ทำงานเมื่อจำเป็นเท่านั้น นอกจากนี้ยังช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงานจากการใช้งานที่ไม่จำเป็น เช่น การปิดอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้งานในขณะนั้น

  • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ด้วยการช่วยประหยัดพลังงาน ระบบ IOT จึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิตพลังงาน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน นอกจากนี้ยังช่วยลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดจากการเปลี่ยนอุปกรณ์บ่อยครั้ง

  • ความปลอดภัยสูงขึ้น

ระบบ IOT มีส่วนช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับที่พักอาศัย ผ่านการติดตั้งอุปกรณ์อย่างกล้องวงจรปิด ระบบแจ้งเตือนการบุกรุก หรือระบบตรวจจับควันไฟ เมื่อพบเหตุการณ์ผิดปกติ ระบบจะแจ้งเตือนไปยังเจ้าของบ้านหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทันที

  • การเข้าถึงข้อมูลและควบคุมแบบรีโมท

เทคโนโลยี IOT ทำให้สามารถรับรู้และควบคุมสภาพแวดล้อมภายในบ้านผ่านแอปพลิเคชันได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้จะอยู่นอกบ้านก็ตาม ทั้งการตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัย สถานะของอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือแม้แต่การเปิด-ปิดอุปกรณ์เหล่านั้น

เทคโนโลยี IOT หรือ INTERNET OF THINGS มีอะไรบ้าง

เทคโนโลยี IOT หรือ INTERNET OF THINGS ได้เข้ามามีบทบาทในบ้านอยู่อาศัยของเรามากขึ้น โดยอุปกรณ์ต่างๆ ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตจะทำให้ชีวิตประจำวันสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ต่อไปนี้คือเทคโนโลยี IOT ที่น่าจะเข้ามาอยู่ในบ้านของเราในอนาคตอันใกล้

1. ไฟและแสงสว่าง

การควบคุมและปรับแต่งไฟและแสงสว่างก็ได้รับการพัฒนาให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยระบบอัตโนมัติที่ชาญฉลาด เราสามารถสร้างบรรยากาศและประสบการณ์การใช้งานไฟและแสงได้อย่างไร้ขีดจำกัด

ในอดีตที่ผ่านมา การควบคุมไฟและแสงสว่างจำกัดอยู่ที่การเปิด-ปิด และปรับระดับความสว่างเท่านั้น แต่ในปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง IOT ระบบไฟและแสงสามารถทำงานได้อย่างอัจฉริยะและสอดคล้องกับพฤติกรรมหรือปฏิกิริยาของผู้ใช้งาน

หนึ่งในตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานที่น่าสนใจ คือการสร้างห้องรับชมภาพยนตร์ขนาดเล็กภายในบ้าน ด้วยระบบไฟและแสงสว่างแบบ IOT เราสามารถปรับบรรยากาศให้เหมือนโรงภาพยนตร์จริงได้ ระดับความสว่างจะถูกควบคุมให้เข้ากับทุกฉากของภาพยนตร์ ไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถเพิ่มเอฟเฟกต์แสงกะพริบเพื่อสร้างบรรยากาศสยองขวัญให้กับภาพยนตร์ประเภทนั้นได้อีกด้วย

การควบคุมไฟและแสงสว่างในรูปแบบใหม่นี้ไม่เพียงเพิ่มประสบการณ์การรับชมที่ดียิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วย ด้วยการปรับเปลี่ยนระดับความสว่างตามสถานการณ์ ช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็น ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งต่อตัวผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม

2. ประตูและหน้าต่างอัตโนมัติ

ในโลกยุคใหม่ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกให้กับชีวิตประจำวัน เราจึงได้เห็นนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะ (SMART HOME) เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบประตูและหน้าต่างอัตโนมัติซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย

  • ความสะดวกสบายในการควบคุมด้วยใบหน้า

หนึ่งในความสามารถพิเศษของระบบประตูและหน้าต่างอัตโนมัติคือการสแกนและจดจำใบหน้าของเจ้าของบ้านและสมาชิกในครอบครัว เมื่อถูกตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว ประตูบ้านจะสามารถเปิดหรือปิดได้อัตโนมัติด้วยการสแกนใบหน้าของผู้อยู่อาศัย ช่วยลดความยุ่งยากในการถือกุญแจหรือรีโมทคอนโทรลเปิดปิดประตู

  • ความปลอดภัยในการคัดกรองบุคคล

นอกจากความสะดวกสบายแล้ว ระบบนี้ยังเพิ่มระดับความปลอดภัยให้กับบ้านเรือนมากขึ้น เนื่องจากประตูจะเปิดสำหรับเฉพาะบุคคลที่ระบบสามารถจดจำใบหน้าได้เท่านั้น ช่วยกรองและป้องกันบุคคลที่ไม่พึงประสงค์เข้ามาในบริเวณบ้าน

  • ควบคุมแสงธรรมชาติอย่างชาญฉลาด

ความอัจฉริยะของระบบยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น โดยหน้าต่างอัตโนมัติจะสามารถเปิดหรือปิดได้อัตโนมัติด้วยการตรวจจับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น หน้าต่างจะเปิดออกโดยอัตโนมัติเพื่อให้แสงสว่างธรรมชาติ รักษ์โลก ส่องเข้ามาในบ้าน และจะปิดบานหน้าต่างลงเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าให้หน้าต่างปิดลงอัตโนมัติเมื่อมีฝนตกได้อีกด้วย

เทคโนโลยี IOT หรือ INTERNET OF THINGS มีอะไรบ้าง

3. วาล์วน้ำอัจฉริยะ

การควบคุมวาล์วน้ำผ่านแอปพลิเคชันก็ถือเป็นความก้าวหน้าที่น่าประทับใจ อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IOT) ได้เข้ามาเสริมประสิทธิภาพให้กับวาล์วน้ำอัจฉริยะอีกขั้น ด้วยการติดตั้งเซ็นเซอร์ในวาล์วน้ำ ระบบจะสามารถตรวจจับได้ว่าผู้ใช้งานอยู่ใกล้บ้านหรือไม่ จากนั้นจะวิเคราะห์สภาพอากาศและอุณหภูมิในบริเวณนั้น เพื่อกำหนดอุณหภูมิน้ำที่เหมาะสมสำหรับการอาบน้ำ เมื่อผู้ใช้งานกลับถึงบ้าน น้ำในอุณหภูมิที่พร้อมสำหรับการอาบน้ำก็จะไหลออกมาทันที

นอกจากความสะดวกสบายแล้ว วาล์วน้ำอัจฉริยะยังช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วย โดยระบบจะปรับอุณหภูมิน้ำให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องสิ้นเปลืองพลังงานในการทำให้น้ำร้อนหรือเย็นเกินความจำเป็น การนำเทคโนโลยี IOT มาประยุกต์ใช้กับวาล์วน้ำ จึงเป็นก้าวสำคัญที่จะเพิ่มความสะดวกสบายและประสิทธิภาพการใช้พลังงานในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีสามารถเข้ามามีบทบาทและเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเราได้

4. ตู้เย็นอัจฉริยะ

นวัตกรรมไฮเทคสำหรับการจัดการอาหารที่น่าสนใจในยุคปัจจุบันคือ ตู้เย็นอัจฉริยะ ตู้เย็นรุ่นใหม่ นี้ไม่เพียงแค่เก็บรักษาอาหารให้คงความสดใหม่เท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยจัดระเบียบและบริหารจัดการอาหารและวัตถุดิบต่างๆ ภายในตู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วยระบบเซ็นเซอร์และบาร์โค้ดที่ฝังอยู่ ตู้เย็นอัจฉริยะสามารถสแกนและบันทึกข้อมูลของอาหารและวัตถุดิบแต่ละชนิดที่เก็บไว้ภายใน ข้อมูลที่บันทึกไว้ประกอบด้วยรายละเอียดเกี่ยวกับคุณค่าทางโภชนาการ วันหมดอายุ และแหล่งที่มา เมื่อเชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ต ตู้เย็นอัจฉริยะสามารถดึงข้อมูลเหล่านี้จากฐานข้อมูลออนไลน์ได้โดยอัตโนมัติ

นอกเหนือจากการจัดเก็บข้อมูลแล้ว ตู้เย็นอัจฉริยะยังสามารถแจ้งเตือนเมื่ออาหารหรือวัตถุดิบใกล้หมดอายุ ช่วยวางแผนรายการสั่งซื้ออาหาร และแนะนำเมนูอาหารจากวัตถุดิบที่มีอยู่ ด้วยความสามารถพิเศษเหล่านี้ ตู้เย็นอัจฉริยะจึงเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่ช่วยลดปัญหาการสูญเสียอาหารและเพิ่มประสิทธิภาพการบริโภคอาหารในครัวเรือนได้อย่างน่าประทับใจ

5. ปลั๊กไฟอัจฉริยะ

ปลั๊กไฟอัจฉริยะ (SMART PLUG) ถือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์สำคัญที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ภายในบ้าน ปลั๊กไฟอัจฉริยะเป็นอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและรองรับการควบคุมผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ผู้ใช้งานสามารถเปิด-ปิด หรือตั้งเวลาในการทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เสียบอยู่กับปลั๊กไฟอัจฉริยะได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟ โทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ หรือแม้กระทั่งเครื่องชงกาแฟ

สิ่งที่น่าสนใจของปลั๊กไฟอัจฉริยะคือ ความสามารถในการประหยัดพลังงาน เนื่องจากผู้ใช้งานสามารถตั้งเวลาหรือปิดอุปกรณ์ได้ทันทีเมื่อไม่ได้ใช้งาน ซึ่งแตกต่างจากปลั๊กไฟทั่วไปที่จะสิ้นเปลืองพลังงานแม้ว่าจะไม่ได้ใช้งานอุปกรณ์นั้น ๆ อีกทั้งยังสามารถควบคุมการทำงานได้จากระยะไกล ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับบ้านของคุณ

สรุป

IOT ในชีวิตประจำวัน เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเชื่อมโยงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและควบคุมการทำงานได้อย่างอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกสบายในการใช้งานอุปกรณ์เหล่านั้น

บทความน่าสนใจ